มะเดื่อฝรั่ง สายพันธ์ Masui Dauphine สายพันธ์จากประเทศญี่ปุ่น ผลใหญ่ ดก หวานหอม ต้นสวยงาม แข็งแรง รากแน่น พร้อมปลูก!!
สายพันธ์> Masui Dauphine B5
มาซุอิ ดอลฟิน อ่านชื่อก็คงพอจะเดาออกว่ามาจาก ญี่ปุ่นแน่นอน ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องผลไม้อยู่แล้ว มะเดื่อก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ ประวัติโดยคราวๆ ของสายพันธ์นี้คือ มีชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งเป็นคนพัฒนาสายพันธ์นี้ขึ้นมาครับ ชาวญี่ปุ่นท่านนั้นก็ชื่อ มาซุอิ นั่นแหละครับตรงตัว โดยพัฒนาจากสายพันธ์ California Brown Turkey จากแคลิฟอร์เนีย
โดยมือใหม่ๆมักจะสับสนกันมากระหว่าง ตัว masui dauphine B5 กับตัว Dauphine ของฝรั่งเศส เท่าที่ทราบเป็นจากข้อมูลคนละตัวกันถึงแม้ชื่อและลักษณะต้น ผลจะคล้ายกันก็ตาม ผมไม่ขอฟันธงละกัน ให้รู้ไว้ ถ้า Dauphine เฉยๆ คือตัวของฝรั่งเศสครับ
ความโด่ดเด่นของสายพันธ์นี้ถือว่าครบเครื่องครับ ผลใหญ่ ดก หวานอร่อย นอกจากนี้จากการทดลองปลูกดู สายพันธ์นี้ปรับตัวเข้าสภาพอากาศในประเทศไทยได้ดีมากครับ ถือว่าเป็นตัวยอดนิยม ยอดฮิตสำหรับท่านไหนที่คิดจะทำผลขาย แนะนำสายพันธ์นี้เลยครับ
สีผล> ผลสีแดงอมม่วง ไส้แดง ผลใหญ่ ออกผลดกมาก
รสชาติ> หวานหอม
ระยะติดผล> ประมาณ 6 เดือน
วิธีการดูแล> ชอบแดดทั้งวัน สามารถปลูกในกระถางได้ ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดี ปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย
ในกล่องมี
1.ต้นในถุงเพาะชำ 4*9 นิ้ว เป็นต้นจากกิ่งปักชำ สวยงาม แข็งแรง รอด 100 เปอร์เซ็นต์ สูงประมาณ 60-70 ซม.
2.เอกสารแนะนำการดูแลต้นมะเดื่อฝรั่งเบื้องต้น
1 กล่อง บรรจุได้ 4 ต้น หากต้องการสั่งมากกว่า 4 ต้น รบกวนสั่งหลายๆครั้ง ครั้งละ 4 ต้นนะครับ(ต้นไม้ค่อนข้างใหญ่)
วิธีการดูแลรักษา ต้นมะเดื่อฝรั่งที่ได้รับเบื้องต้น
สภาพของต้นมะเดื่อฝรั่งเมื่อเปิดกล่องออกมา อาจจะพบว่าใบมีอาการสลดลง หรือใบม้วน หงิกงอ ถือเป็นเรื่องปกติของการส่งแพ็คใส่กล่อง เนื่องจากต้นไม้ไม่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน กล่องถูกวางแบบกลับหัวไปมา อาจจะทำให้ใบมีลักษณะดังกล่าวได้ ให้ทำการแกะเทปกาว รดน้ำทั้งกระถางและใบ วางต้นในที่ๆมีแสง หรือแดดรำไรๆ ไม่โดนลม ใบจะค่อยๆ ปรับตัวฟื้นกลับมาเป็นปกติภายในเวลา 1 อาทิตย์ และเมื่อต้นแข็งแรงดีแล้วให้วางในที่ๆ โดนแดดทั้งวัน เปลี่ยนกระถางภายใน 1-2 เดือน ก่อนปุ๋ยและธาตุอาหารในวัสดุปลูกจะหมด
หากยังไม่ได้เปลี่ยนกระถางให้ระวังต้นขาดน้ำ!!! ให้รดน้ำทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าวัสดุปลูกค่อนข้างแห้ง หรือต้นมีอาการใบตก เนื่องจากต้นที่ส่งค่อนข้างใหญ่ ใบเยอะ และขนาดกระถางที่ส่งค่อนข้างเล็กเพื่อให้สะดวกต่อการส่ง ทำให้วัสดุปลูกค่อนข้างแห้งได้ง่าย ดังนั้น รดน้ำอย่างน้อยวันละสองครั้ง “เช้า-บ่าย” ถึงแม้วางต้นในที่ร่มก็ต้องรดน้ำในช่วงบ่ายเช่นกัน ไม่ควรรดน้ำในตอนเย็นไม่สามารถทดแทนการขาดน้ำในช่วงบ่ายได้ หากไม่มีเวลารดน้ำช่วงบ่ายแนะนำให้หาจานรองก้นกระถางจะช่วยได้ เมื่อเปลี่ยนขนาดกระถางให้ใหญ่ขึ้นแล้ว ให้รากเดินดีก่อนจึงค่อยๆ ลดการรดน้ำเป็นวันละครั้งหรือสองวันครั้ง ในตอนเช้า
เนื่องจากมีคนอาศัยความไม่รู้ของมือใหม่กันมาก หากจะซื้อต้นมะเดื่อฝรั่ง ควรรู้อะไรบ้าง
1. กิ่งตอนมะเดื่อฝรั่ง อนุบาลยากสำหรับคนที่ไม่เคยปลูกมาก่อน ส่วนมากจะทำตายกัน สำหรับมือใหม่แนะนำต้นกระถางพร้อมปลูกจะดีกว่า หรือว่าท่านชอบลุ้น ก็ไม่ว่ากันครับ
2. การเลือกต้นมะเดื่อฝรั่ง ควรเลือกต้นที่มีฟอร์มสวย ยอดพุ่ง มีใบเยอะๆ รากจะแน่น อย่าซื้อต้นเกร็นๆ มีใบสองใบ หรือเพราะราคาถูก เพราะเอาไปไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตครับ ต่อให้ท่านกระหน่ำใส่ปุ๋ยแค่ไหน และบางร้านตอนกิ่งลงกระถางไม่กี่วันก็ขายแล้ว ขอให้ระวัง จับโคนเขย่าๆ แล้ววัสดุปลูกร่วงนั่นคือ พึ่งเอาลงกระถางได้ไม่นาน บางทีรากยังไม่มีเลย เลี้ยงแล้วตายเราก็คิดว่าเราดูแลไม่ดีเอง จริงๆมันไม่ใช่ครับ ต้นมันยังไม่แข็งแรงพอตั้งแต่แรก
3. ต้นติดผล มือใหม่จะชอบต้นติดผล คนขายมักจะมีเทคนิคตอนกิ่งที่ติดผลมาแล้วลงกระถาง ผลพวกนี้มักจะร่วง และถ่วงต้นครับ
4. ต้นมะเดื่อฝรั่งชอบน้ำมาก แต่ไม่ชอบแฉะ ชอบแดดทั้งวัน แดดจัดๆ ได้เลยต้นจะโตไวครับ
ปล.หากท่านเป็นรักในความสมบูรณ์แบบมากๆ อยากได้ต้นไม้แบบไม่มีที่ติ รบกวนให้ขอดูต้นจริงก่อนทำการสั่งซื้อทุกครั้ง จะได้ไม่มีปัญหาครับ เพราะมันคือต้นไม้ครับ เป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่ต้นไม้ประดิษฐ์ ต้นไม้ที่นี่ถือว่าสวยมากแล้ว เท่าที่จะทำได้แล้ว โดยเฉพาะหน้าฝน แต่จะพยายามทำให้ดียิ่งๆขึ้นไปครับ
