เมล็ด
วิธีการปลูก: 1. เมล็ดต้องได้รับการปฏิบัติก่อนปลูก ใส่เมล็ดเต็มในน้ำอุ่นประมาณ 1-2 วัน แล้วทิ้งเมล็ดแห้งที่ลอยอยู่บนน้ำ ทำเพื่อล้างเมล็ดที่มีคุณภาพต่ำและทำให้เมล็ดงอกดีขึ้น 2. การหว่านเมล็ด: เมล็ดที่งอกแล้วสามารถผสมกับขี้เถ้าได้อย่างเหมาะสมเมื่อปลูก หว่านเมล็ดลงในดิน คลุมด้วยชั้นของดิน แล้วปิดทับด้วยชั้นพลาสติกแรปหรือฟิล์มคลุมดิน ซึ่งสามารถลดการระเหยของน้ำและทำให้งอกดีขึ้น
Tag Archives: Seeds & Bulbs
กุยช่ายดอก น้ำหนัก 0.1 กรัม ประมาณ 25 เมล็ด ลำค้นใหญ่ ดอกอูม ปลูกง่าย ราคา 15 บาท จำหนายโดย เมล็ดพันธุ์ผัก deeseed
เมล็ดพันธุ์ กวางตุ้ง ฮองเต้ 1000 เมล็ด [10 แถม 1 คละได้] เมล็ดพันธุ์ กวางตุ้ง ฮองเต้ 1000 เมล็ด ขอบพระคุณทุกท่านที่อุดหนุนสินค้า และให้ความสนใจสินค้าจากร้าน kasetindyshop กดติดตามร้านค้า และกดถูกใจสินค้า เพื่อที่จะได้ไม่พลาดกับโปรโมชั่นโดนๆ จากทางร้าน ขอบพระคุณมากๆจ้า ทางร้านส่งของทุกวัน ❌ตัดรอบ 15.00 น. ของทุกวัน มีบริการเก็บเงินปลายทาง ❤️บริการด้วยใจทั้งก่อนซื้อและหลังการขาย ♀️มีข้อสงสัยสามารถทักแชทได้ค่ะ แม่ค้ายินดีตอบ ราคา 18 บาท จำหนายโดย sukjaifarm
เมล็ดนำเข้า Hyssop
นำเข้าจากอเมริกา
บรรจุ 65 เมล็ด
อัตราการงอก 85%
นิยมปลูกเพื่อประดับสวน เป็นสมุนไพรตระกูลมิ้นต์
และเป็นไม้อายุยาว ดึงดูดผึ้ง และ ผีเสื้อ
เมล็ดกระถิน 20บาท 500เมล็ด (ยอดเขียว เมล็ดใหญ่)กระถินยักษ์ เมล็ดกระถิน 20บาท ซองละ 500เมล็ด เป็นกระถินยอดเขียว เมล็ดใหญ่เหมาะแก่การใส่ส้มตำ ประโยชน์ของกระถิน – ยอดอ่อนกระถิน ฝักอ่อน และเมล็ดใช้รับประทานเป็นผักได้ โดยยอดใบจะใช้รับประทานร่วมกับน้ำพริก ส้มตำ หรือยำหอยนางรม ส่วนเมล็ดอ่อนชาวอีสานใช้ผสมในส้มตำมะละกอหรือรับประทานกับส้มตำ ส่วนชาวใต้ใช้เมล็ดอ่อนและใบอ่อนรับประทานร่วมกับหอยนางรม – ใบ ยอด ฝัก และเมล็ดอ่อนสามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว ควาย ไก่ แพะ แกะ ฯลฯ – ใบกระถินอุดมไปด้วยธาตุไนโตรเจนและเกลือโพแทสเซียม สามารถนำมาใช้ทำเป็นปุ๋ยหมักได้ – ลำต้นหรือเนื้อไม้กระถินสามารถนำมาใช้ทำด้ามอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตร ทำฟืน เผาทำถ่าน และได้น้ำส้มควันไม้ ราคา 20 บาท จำหนายโดย kasonagric
แตงโมอ่อน บัวทอง เมล็ดพันธุ์ 250 ก. ตราตะวันต้นกล้า
บริษัทผู้ผลิต : ตรา ตะวันต้นกล้า
ขนาด : บรรจุ 250 กรัม/กระป๋อง
อร่อย ขนาดผล 120-150 กรัม
อายุเก็บเกี่ยว 45-50 วันหลังหยอดเมล็ด
รายละเอียด
ทรงผลกลมรี ผิวลายทางสีเขียวอ่อน รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ลูกดก
ติดผลดล ลำต้นแข็งแรง เกี่ยวผลผลิตได้หลายครั้ง ต้นไม่โทรม
ถั่วแขก หรือ ถั่วเขียว คัดเกรดสำหรับเพาะถั่วงอก ขนาด 1 กิโลกรัม
ต้นแข็งแรง แตกแขนงได้ดี ผลยาว เขียวเข้ม
ความยาวผล 50เซน ให้ผลผลิตสูง
ผักคอส หรือผักกาดโรเมนมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lactuca sativa L. var. Longifolia ในประเทศอังกฤษมักจะเรียกว่า “คอส” แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอเมริกามักจะเรียกว่า “โรเมน” คาดกันว่ามีที่มาตั้งแต่สมัยอียิปต์ และชื่อ “คอส” นั้นถูกตั้งชื่อมาตั้งแต่สมัยกรีกโดยตั้งชื่อตามเกาะคอสของกรีกนั่นเอง
จะมีลักษณะที่มีลักษณะไม่เหมือนผักสลัดประเภทอื่น ๆ เพราะมีใบสีเขียวเรียวยาวเป็นผักกรอบ ไม่ค่อยมีกลิ่นเหม็นเขียวของผักเท่าไหร่นัก ซึ่งคอสนั้นสามารถทนความร้อนได้ดีกว่าผักสลัดชนิดอื่นๆ
ผัก “คอส” มีรสชาติหวานนิยมใช้ในเมนูซีซาร์สลัด ราวกับเป็นพระเอกของเมนูคู่กับเบคอนกรอบและมาพร้อมกับน้ำสลัดรสชาติกลมกล่อม โรยด้วยพาร์เมซานชีสขูดฝอยยกระดับความอร่อยให้สุขยิ่งขึ้นกว่าที่เคย บางครั้งชาวยุโรปนิยมตุ๋นทำซุป สำหรับผักคอสขึ้นชื่อว่าเป็นผักที่ช่วยในระบบขับถ่ายเช่นเคย และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ
อายุการเก็บเกี่ยว
อายุที่เหมาะสำหรับการเก็บรับประทานคือ ช่วง 40-60 วัน
อุณหภูมิในการเพาะเมล็ด 18 – 20 องศา c
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเพาะปลูก 10 – 24 องศา c
ค่า pH 6.0 / ค่า Ec 1.1 – 1.8
ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร
วิตามินและธาตุเหล็กสูง : ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงในร่างกาย
ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย : เป็นยาระบายได้อย่างดีเพราะในผักคอสมีน้ำอุ้มอยู่เป็นจำนวนมากจึงช่วยกระตุ้นลำไส้ทำให้กากอาหารนุ่มลง จึงขับถ่ายสะดวก
แก้ไอ แก้ไข้ ขับเสมหะ รักษาอาการเจ็บคอ : ผักคอสมีวิตามินซีจึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น และวิตามินซียังช่วยแก้ไอ ขับเสมหะได้เป็นอย่างดี
บำรุงสายตา : ผักคอสปริมาณ 100 กรัม มีสารลูทีนและซีแซนทีนถึง 2,312 ไมโครกรัม ซึ่งจะช่วยบำรุงสายตา ชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อม
ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ : เส้นใยอาหารในผักคอสจะช่วยกระตุ้นลำไส้ ขจัดสารพิษ และช่วยให้ขับถ่ายง่ายสะดวก
ลดความดันโลหิตสูง : ผักคอสมีแคลเซียมจึงช่วยให้กล้ามเนื้อบีบตัวได้ดี แล้วยังช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นจึงทำให้ความดันโลหิตลดลง
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก : เพราะมีเส้นใยสูงทั้งยังอุ้มน้ำได้ดี จึงทำให้รับประทานแล้วอิ่มนานอยู่ท้อง แล้วยังแคลอรี่ต่ำ
ช่วยให้เลือดแข็งตัว : ผักคอสมีวิตามินเคสูงจึงช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด และป้องกันภาวะเลือดไหลมากจนเกินไป
ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก
ช่วยสร้างเม็ดเลือด
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันโรคหวัด
เมล็ดพันธุ์ผักสลัดหลากหลายชนิด
จำนวนบรรจุแต่ละชนิดประมาณ100เมล็ด
บางชนิดอาจน้อยกว่านั้น ลูกค้าดูจำนวนในรายการที่เลือกได้เลยจร้า
จำนวนอาจมีความคลาดเคลื่อนบ้างนะค่ะ
การเพาะเมล็ดผักสลัด โดยทั่วไปอุณหภูมิที่เหมาะสมและดีที่สุดในการเพาะเมล็ดสลัด จะอยู่ในช่วง 18 – 25 ℃ ปัญหาหลักในการเพาะเมล็ด คืออากาศของเมืองไทยค่อนข้างร้อน ซึ่งมีผลทำให้เมล็ดงอกช้า และมีเปอร์เซ็นต์งอกต่ำ หรือไม่งอกเลย เพราะฉะนั้นจึงต้องเพาะกล้าก่อนลงปลูก และใช้วิธีบ่มเมล็ด(ควบแน่น)ด้วยความเย็นเข้าช่วย เพื่อเพิ่มอัตราการงอก ทำให้งอกได้ไวขึ้น และเสมอ
วิธีการเพาะเมล็ดผักสลัด
1. นำกระดาษชำระวางลงด้านในกล่องถนอมอาหาร โดยวางกระดาษชำระซ้อนกันประมาณ 2 – 3 ชั้น
2. เสปรย์น้ำลงบนกระดาษชำระ ทำให้กระดาษซับน้ำไว้ แต่อย่าให้แฉะเกินไป อย่าให้มีน้ำขังอยู่ในกล่อง น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำดื่มที่สะอาด ห้ามใช้น้ำประปาที่มีคลอรีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากคลอรีนจะทำให้เมล็ดเน่า และไม่งอกได้
3. นำเมล็ดวางลงบนกระดาษชำระที่เปียกน้ำ แล้วไม่จำเป็นต้องเสปรย์น้ำซ้ำอีกรอบก็ได้ (สำคัญอยู่ที่กระดาษชำระอย่าให้แห้ง หรือแฉะเกินไป) จากนั้นให้ปิดฝากล่องเพาะเมล็ดให้สนิท นำกล่องเพาะนี้ไปวางไว้ในช่องเก็บผักของตู้เย็น เป็นเวลา12 – 24 ชม. หลังจากนั้นให้นำกล่องเพาะนี้ไปวางไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิประมาณ 18 – 25 องศา C (ห้องปรับอากาศ) จะทำให้อัตราการงอกสูงขึ้น
4. เมื่อผ่านไปประมาณ 24 – 48 ชั่วโมง หลังจากเพาะเมล็ด ให้สังเกตุดูที่เมล็ด จะเริ่มมีรากสีขาวของต้นกล้างอกออกมาประมาณ 2 มิลลิเมตร ก็สามารถย้ายลงปลูกในก้อนฟองน้ำ/พีทมอสได้เลย อย่าปล่อยให้เกิน 2 วัน เพราะช่วงนี้รากของสลัดจะยาวเร็วมาก ถ้าย้ายช้ากว่านั้นรากจะติดกับกระดาษชำระทำให้ดึงออกได้ยาก
5. เมื่อครบ 4 – 5 วัน หลังจากเพาะเมล็ด ต้นกล้าจะงอกใบเลี้ยงคู่ออกมาให้คอยดูแลเรื่องความชื้นของวัสดุเพาะ อย่าให้แห้งหรือแฉะเกินไป (น้ำที่ใช้เป็นน้ำดื่มสะอาด ห้ามใช้น้ำประปาที่มีคลอรีนโดยเด็ดขาด เนื่องจากคลอรีนในประปาจะทำให้เกิดโรครากเน่า และโคนเน่าได้) ให้นำถาดเพาะ ไปรับแสงแดดในตอนเช้าหรือช่วงเย็น ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงต่อวัน
6. เมื่อครบ 7 วัน หลังจากเพาะเมล็ด ต้นกล้าเริ่มมีใบจริง งอกออกมา ให้เพิ่มระยะเวลาในการรับแสงแดดของต้นกล้า 5 – 6 ชั่วโมง/วัน
7. เมื่อครบ 14 วัน (2 สัปดาห์) ต้นกล้าก็พร้อมที่ย้ายลงแปลงปลูกได้แล้ว ควรเลือกย้ายในช่วงเย็น เนื่องจากช่วงเย็นจนถึงค่ำ พืชจะปรับตัวได้ดีกว่าช่วงกลางวัน และลดความเสี่ยงที่ต้นเกล้าจะเฉาตายจากแดดได้