รีวิว นักกล้าเรียน The Brave Learner (โฮมสคูล) คำนิยม โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ เราจะพบว่างานศิลปะมิได้มีแค่กระดาษและดินสอสี แล้วก็มิได้มีแค่สวยหรือไม่สวย ระบายสีออกขอบหรือไม่ออกขอบ มากไปกว่านี้คือมิได้มีคะแนนให้ เมื่ออ่านไปได้หลายหน้าเราจะพบว่างานศิลปะมีรูปธรรมของการจัดการที่ชัดเจน เริ่มตั้งแต่ตัวโต๊ะ วัสดุสองจำพวก คือวัตถุที่เด็กๆจะระบายหรือละเลงสีลงไปกับวัตถุที่ให้กำเนิดสี วิธีจัดวางไปจนถึงวิธีจัดการ เหล่านี้ผู้เขียนได้แจงรายละเอียดอย่างมากจนกระทั่งเราสามารถใช้ไม้บรรทัดทาบอ่านทีละบรรทัด ทีละคำเพื่อเลียนแบบได้เลยหากคิดอะไรไม่ออกเพราะเป็นมือใหม่ สำคัญกว่านั้นคือทั้งหมดที่เราทำ เราทำไปเพื่อ จุดไฟ คือไฟแห่งการเรียนรู้ทั้งสำหรับตัวเด็กและสำหรับพ่อแม่ผู้ตั้งใจทำโฮมสคูล ที่เราอยากได้คือเด็กที่มีความใฝ่รู้ อยากรู้อยากเห็น และพร้อมเรียนรู้ไร้รูปแบบ กับพ่อแม่ที่เข้าใจเรื่องการเรียนรู้สมัยใหม่ตามที่ควรจะเป็น สำหรับบ้านเราขอเพียงถอนตัวออกจากหลุมการศึกษาแบบครอบงำได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว หนังสือเล่มนี้มิได้พูดเรื่องการจัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูลที่อยากลอกก็ลอกได้เท่านั้น แต่หนังสือบอกเรื่องที่สำคัญกว่า นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดแก่เด็กและตัวพ่อแม่เอง ภายใต้ข้อเท็จจริงที่ท้าทายนั่นคือพ่อแม่แบบไหนกันที่จะทำงานนี้ได้เป็นเวลา 10-15 ปี โดยไม่เสียศูนย์ ซึ่งเมื่ออ่านจนเข้าใจแล้วก็เป็นที่มั่นใจได้ว่าไม่มีใครคิดจะลอกวิธีการในหนังสือเล่มนี้แน่ เพราะเราเองที่จะจุดไฟตัวเองติดก่อน ก็ไม่รู้จะลอกไปทำไมอีก การเรียนรู้ผิดวิธีไม่เพียงทำให้เสียเวลา 10-15 ปีไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่อาจจะทำให้กระบวนการเรียนรู้เรื่องที่สำคัญกว่าเสียหายโดยเรียกคืนมิได้อีก เช่น การท่องสูตรคูณ เด็กที่ท่องสูตรคูณได้เป็นเรื่องดีแต่เราไม่อาจจะมั่นใจได้ว่าการท่องสูตรคูณได้ทำให้ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ที่ควรจะพัฒนาไปได้เรื่อยๆ ในอีกเส้นทางหนึ่งกลับติดอยู่กับที่หรือถูกนำพาให้ไปอีกเส้นทางหนึ่ง เป็นต้น นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่เราควรค่อยๆทำความเข้าใจสิ่งที่หนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นความเรียงเชิงพรรณนาพยายามบอกเรา ประเด็นจึงมิใช่เพียงก้อนความรู้หรือวิธีเรียนรู้ แต่คือ ไฟ ราคา […]

สำนักพิมพ์ SandClock Books
เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกวัย

หนังสือเล่มนี้มอบคำแนะนำที่เรียบง่าย แต่ได้ผลเมื่อผสานแนวคิดเหล่านี้เข้ากับชีวิตประจำวัน พาคุณไปร่วมกันทำความเข้าใจ ช่วยลูกๆ จัดการความรู้สึกของพวกเขา ทั้งอารมณ์ที่รุนแรง ความอิจฉา การแก่งแย่ง การกระทบกระทั่งนับครั้งไม่ถ้วนในความสัมพันธ์ของบ้านที่มีพี่น้อง ให้อารมณ์เหล่านี้ช่วยให้พวกเขาเติบโต เป็นมนุษย์ที่มีความเอาใจใส่ และห่วงใยผู้อื่นให้มากขึ้น
เพราะครอบครัวเป็นพื้นที่แรกของลูกในการเรียนรู้วิธีสร้างความสัมพันธ์ การรับฟัง เรียนรู้ที่จะยึด ยอม และยืดหยุ่น เพื่อให้ลูกๆ ได้เป็นเพื่อน เป็นคู่คิด มีกันและกันแม้ในวันที่เราไม่อาจอยู่เคียงข้างพวกเขาอีกต่อไป

โดย อะเดล เฟเบอร์ และอีเลน มาซลิช เจ้าของหนังสือ How to Talk So Kids Will Listen & Listen So Kids Will Talk ที่แปลไปแล้วมากกว่าสามสิบภาษาทั่วโลก

Original Title
ISBN 978-616-8255-96-4
จำนวน 256 หน้า ขนาด 14.3 x 21 cm.
น้ำหนัก 350 กรัม
พิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2565

“ลูกน้อยร้องไห้เพราะอะไร”
“หิวนม?”
“ปวดท้อง?”
“หรือว่าอึไม่ออก!?”

สารพัดเรื่องเด็กๆ แต่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ต้องกังวลใจตลอดเวลา แต่…คัมภีร์เล่มนี้จะช่วยคุณได้ เพราะอัดแน่นไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการเติบโต พัฒนาการและการใช้ชีวิตของลูกน้อยตั้งแต่วัย 0-3 ขวบ อาทิ
ㆍ สาเหตุที่ลูกร้องไห้
ㆍ ทำไมไม่ยอมนอน
ㆍนมและอาหารเสริม
ㆍ การอาบน้ำ 6 ขับถ่าย
ㆍ วัคซีน
ㆍ โรคในเด็ก
ㆍ อุบัติเหตุในบ้าน และวิธีป้องกัน + แก้ไข

รวมถึงทุกๆ เรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้กับลูกน้อยของคุณ เป็นคู่มือสำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่ครอบคลุมทุกเรื่อง เจาะลึกทุกช่วงวัย และไขข้อข้องใจกันแบบเดือนต่อเดือน พร้อมภาพประกอบสีสันสวยงามเข้าใจง่ายตลอดเล่ม เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เลี้ยงลูกน้อยได้แบบไร้ความกังวลใจตลอด 24 ชั่วโมง!

รีวิว AMR คู่มือพ่อแม่ ” ข้อคิดเตือนใจ สร้างสายใยแม่ลูก ” โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้เขียน : ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ สำนักพิมพ์ : Amarin Kids หมวดหมู่ : แม่และเด็ก คู่มือดูแลครรภ์ การเลี้ยงดูเด็ก ข้อคิดเตือนใจ สร้างสายใยแม่ลูก จำนวนหน้า : 120 ขนาด : 18.5 x 14 x 0.7 CM น้ำหนัก : 0.148 KG ตั้งแต่ลูกเกิดและเติบโต เขาต้องการเวลาและความรักจากพ่อแม่เพื่อสร้างตัวตน เขาต้องการเรียนรู้ผ่านกระบวนการที่สมวัยเพื่อพัฒนาสมอง EF และทักษะชีวิต เขาต้องการโรงเรียนที่มีความรู้และเข้าใจความต้องการของเด็กเป็นอย่างดี และเขาต้องการพ่อแม่ที่มีความอดทนรอคอยให้เขาเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป พ่อแม่จะทำและเตรียมสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้เมื่อมีความพร้อมทางทัศนคติ มีแนวคิดที่เป็นบวกต่อพัฒนาการของเด็ก หนังสือเล่มนี้จึงรวบรวมข้อความสั้นๆ ที่จะช่วยแนะนำเทคนิคการเลี้ยงลูกและเตือนใจพ่อแม่ให้พร้อมเลี้ยงลูกด้วยความรักและความเข้าใจเสมอ สารบัญ : ข้อคิดเตือนใจ […]

พื้นฐานดวงชะตาของคนเรา มีความแตกต่างกันไปตามวันเกิด แต่หนึ่งในวิถีแห่งโหราศาสตร์ของไทยที่ได้รับความนิยมมาเป็นเวลายาวนานนั้นที่คือการตั้งชื่อหลักการตั้งชื่อ จึงเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของโหราศาสตร์ไทย การมีชื่อที่มีหลักทักษาถูกต้อง มีความหมายที่ดี งดงามด้วยภาษา ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี หนังสือคู่มือตั้งชื่อตามวันเกิด ฉบับสมบูรณ์ ปี 2565เล่มนี้ ใช้หลักทักษา เป็นแม่บทในหลักการตั้งชื่อตามโหราศาสตร์ไทย ซึ่งเป็นที่นิยมมายาวนานทุกยุคสมัย และนำหลักเลขศาสตร์สากล โดยคัดเฉพาะชื่อที่มีเลขศาสตร์ที่ดีมาประกอบ ไม่ใช้ความหลากหลายของวิชามากจนเกินความพอเหมาะ รวบรวมชื่อที่มีทักษาอักษรที่ดีตามวันเกิดและเลขศาสตร์ที่ดีจำนวน 5,300 ชื่อ เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ หรือตั้งชื่อให้บุตรหลาน เพื่อเป็นมงคลและพลังหล่อหลอมให้เจ้าของชื่อมีความสุข

วิธีการกล่อมลูกน้อยให้หลับตลอดคืน จำหน่ายโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุชาติ สุภาพ วิธีกล่อมลูกน้อยให้หลับตลอดคืน ปลอบลูกรักให้หลับสนิท โดยไม่ต้องร้องจนหมดแรง ผู้เขียน Elizabeth Pantley (เอลิซาเบธ แพนต์ลีย์) ผู้แปล กุลธิดา บุณยะกุล-ดันนากิ้น 270 บาท เนื้อหาโดยสังเขป จะแก้ปัญหาอย่างไรให้ทารกนอนหลับตลอดทั้งคืนได้โดยเด็กไม่ต้องร้องจนเหนื่อย “การนอนให้พอ” เป็นเรื่องท้าทายที่สุดของการเลี้ยงลูกในขวบปีแรก หรือปีที่สองของทารก ยากที่สุดคือทำอย่างไรให้เด็กหลับตลอดคืน พ่อแม่จะลังเลอยู่ว่าควรปล่อยให้ลูกร้องแผดเสียงจนหมดแรงแล้วหลับไปเอง ด้วยเหตุนี้พ่อแม่จึงอดตาหลับขับตานอนตอนกลางคืน ซึ่งนำไปสู่ความอิดโรยจนเกิดความขุ่นเคือง ความงดงามของหนังสือเล่มนี้ก็คือ พ่อแม่สามารถสร้างแผนการนอนของตัวเอง บนฐานองค์ประกอบของลูกเช่นเดียวกับของตัวเองได้ และเลือกวิธีแก้ปัญหาแบบมีเหตุผลและละเอียดอ่อนที่พ่อแม่มีต่อลูกได้ โดยสร้างความสมดุลระหว่างลูกและพ่อแม่ในเวลานอน ช่วงปีแรกของชีวิตเป็นเวลาที่ควรช่วยให้ลูกของคุณนอนสนิท ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพ และให้แนวคิดการนอน ในสภาพที่รื่นรมย์ สงบ และเป็นไปได้จริง “เอลิซาเบท แพนต์ลีย์” เป็นแม่ของลูกสี่คนผู้มีประสบการณ์ เข้าใจคุณเป็นอย่างดีจากประสบการณ์ตรง อีกทั้งเธอยังเขียนหนังสือที่ตรงประเด็น อ่านง่าย และไม่สลับซับซ้อน ซึ่งเป็นหนังสือเล่มนี้จะช่วยพ่อแม่ที่มีลูกน้อยรู้วิธีที่จะทำให้ลูกนอนหลับสนิทได้ตลอดทั้งคืน และทำให้พ่อแม่เองก็สามารถวางแผนการนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย! สารบัญ ตอนที่ 1 10 ขั้นตอนช่วยให้ลูกหลับยาว – บทที่ 1 […]

จำนวนหน้า : 400 หน้า
สำนักพิมพ์ : Double Days Publishing
ผู้แต่ง : Shimi K. Kang, M.D. (ชิมิ เค. คัง, พญ.)
ผู้แปล : พรรณรวี ชัยอิ่นคำ
ขนาด : 14.6 x 21 x 2.3 ซม.
ประเภทปก : ปกอ่อน
เนื้อใน : กระดาษถนอมสายตา 75 แกรม
พิมพ์ : ขาว – ดำ

เนื้อหาโดยสังเขป

เคยคิดไหมว่า กิจกรรมต่าง ๆ ที่พ่อแม่ยุคนี้พยายามยัดเยียดให้กับลูก ๆ ด้วยความปรารถนาดี อาจเป็นการเปลี่ยนเด็กน้อยที่งดงามของเรา ให้กลายเป็นชายหรือหญิงวัยกลางคนที่บ้างาน ไร้ความสุขหรือเปล่า ลองเปลี่ยนมาใช้ “วิถีโลมา” เลี้ยงลูกของเราดีไหม?

“วิถีโลมา” เป็นปรัชญา เป็นวิถีแห่งชีวิต ไม่ได้เป็นเพียงแค่วิธีทำอะไรกับลูก หากยังเป็นวิธีการอยู่กับลูกพร้อมกับการใช้ชีวิตของตัวเอง แทนที่จะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงลูกไปเป็นอะไรสักอย่าง มันเป็นการดึงเอาสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่แล้วออกมา ทั้งในตัวลูกและตัวคุณเอง นี่คือคู่มือเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กสุขภาพแข็งแรง มีความสุข เปี่ยมไปด้วยแรงจูงใจ และมีคุณธรรมด้วยวิถีแห่งโลมา

สารบัญ

ตอนที่ 1 วิกฤติการณ์ : “ฉันรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ใคร ๆ ก็ทำกัน”
– บทที่ 1 ยุคเสือครอง
– บทที่ 2 เกิดอะไรกับเด็กที่เลี้ยงดูโดยเสือ

ตอนที่ 2 ทางแก้ : ว่ายน้ำไปกับโลมา
– บทที่ 3 ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดคือยุคของโลมา
– บทที่ 4 โลมาเจริญก้าวหน้าได้อย่างไร

ตอนที่ 3 ลงมือทำ : ประสบความสำเร็จแท้จริงผ่านความสนุก
– บทที่ 5 สิ่งจำเป็นพื้นฐานต้องมาก่อนและสำคัญที่สุด
– บทที่ 6 การเล่นอยู่ในธรรมชาติของตัวเรา
– บทที่ 7 มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
– บทที่ 8 ชุดเครื่องมือเลี้ยงลูกสำหรับโลมา

ตอนที่ 4 เปลี่ยนแปลง : ใช้ชีวิตให้มีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข และมีแรงจูงใจ
– บทที่ 9 แรงจูงใจในตัวเองสิยั่งยืน
– บทที่ 10 เกิดอะไรกับเด็กที่เลี้ยงดูด้วยวิถีโลมา
– บทที่ 11 กลับมาเป็นมนุษย์

โลกทุกวันนี้หมุนไปเร็ว ด้วยข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ด้วยเครื่องมือสื่อสารใหม่ๆ ความรู้ทุกอย่างหาได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว แล้วเราจะเลี้ยงลูกอย่างไรกันดี ให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมเผชิญกับโลกที่เราเองก็ไม่ได้รู้จักดีนัก คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยได้ยินเรื่อง EF หรือ Executive Function มาบ้างจากสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งหลาย ว่ามันคือความสามารถของสมองและจิตใจที่จะควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายได้ ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับชีวิตในศตวรรษที่ 21 ที่จะช่วยยึดเหนี่ยวเด็กๆ ของเราไว้ท่ามกลางความเชี่ยวกรากของโลกในวันข้างหน้า ส่วนที่ว่าเราจะ “เลี้ยงลูกอย่างไรให้ได้ EF นั้น นายแพยท์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ได้รวบรวมองค์ความรู้จากวิชาชีพและการสั่งสมประสบการณ์ยาวนาน ถ่ายทอดออกมาได้ง่ายอย่างยิ่ง ทำได้แน่นอน ให้เราได้ทำความเข้าใจและลงมือทำทันที ใครที่เคยติดตามข้อเขียนเรื่อง EF และทักษะศตวรรษที่ 21 ที่คุณหมอเขียนไว้เป็นตอนๆ ในเพจเฟซบุ๊กของคุณหมอ แพรวเพื่อนเด็กได้รวบรวมมาไว้ให้อ่านในหนังสือเล่มนี้แล้ว

จำนวนหน้า : 192 หน้า
สำนักพิมพ์ : ณัฎฐ์ธนัน
ผู้แต่ง : Mother Q-Cute
ขนาด : 14.5 x 20.5 x 1.3 ซม.
ประเภทปก : ปกอ่อน
เนื้อใน : กระดาษปอนด์
พิมพ์ : คละสี

ให้เนื้อหาที่สำคัญเกี่ยวกับการเรีนรู้ความฉลาดของมนุษย์และการส่งเสริมให้ถูกวิธีสิ่งแวดล้อมที่สำคัญต่อพัฒนาการของเด็กวัยเรียนความสามารถตามวัย และแบบฝึกหัดปลูกฝังส่งเสริมพัฒนาการของลบุกน้อยวัย 3-6 ปี รวมทั้งให้คำแนะนำในการอบรมเลี้ยงดูลูกน้อยตามวัย เพื่อลูกน้อยของคุณพ่อคุรแม่ก้าวสู่โลกใบใหม่อย่างสดใส พร้อมเรียนรู้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพดังความปรารถ ของคุณพ่อคุณแม่ต่อไป

สารบัญ

– อาหารที่เหมาะสมต่อพัฒนาการของลูกน้อยวัย 3-6 ปี
– ตารางช่วงเวลานอนที่เหมาะสมของลูกน้อยวัย 3-6 ปี
– มาตรฐานการเติบโตด้านร่างกายของเด็กวัย 3-6 ปี โดยเฉลี่ย
– เรียนรู้ความฉลาดของมนุษย์และส่งเสริมให้ถูกวิธี
– สิ่งแวดล้อมสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กวัยเรียน
– ความสามารถตามวัย และแบบฝึกหัดปลูกฝังส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยวัย 3-6 ปี
– คำแนะนำการอบรบเลี้ยงดูลูกน้อยตามวัย

รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว

“อัจฉริยบุคคลไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์หรือสายเลือด แต่เกิดจากการเรียนรู้และสภาพแวดล้อม”
หนังสือเล่มนี้เคยตีพิมพ์แล้วในชื่อว่า “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” เป็นแนวคิดเรื่องการศึกษาในเด็กเล็ก เรามักคิดว่าความโง่-ฉลาด-พรสวรรค์ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด แต่ที่จริงความสามารถและอุปนิสัยส่วนใหญ่จะก่อร่างเรียบร้อยในช่วง 0-3 ขวบ นั่นคือตอนเกิดมาเราเหมือนกันหมด ไม่มีคนที่เกิดมาเป็นอัจฉริยะหรือไอ้งั่ง การศึกษาแต่แรกเกิดต่างหากที่เป็นตัวกำหนด ผู้เขียนจึงได้บอกว่า รอให้ถึงอนุบาล (เลย 3 ขวบ) ก็สายเสียแล้ว แต่ละบทเขียนเป็นตอนสั้นๆ อ่านง่าย ให้ข้อมูลเพื่อให้พ่อแม่เข้าใจแนวคิดและยกตัวอย่างให้เห็นภาพรวมและยึดเป็นแนวทางได้ อัจฉริยบุคคลไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์หรือสายเลือดแต่เกิดจากากรเรียนรู้และสภาพแวดล้อม