A rare and stunning photographic record of a bygone era from the personal collection of Thai scholar Thweep Rittinaphakorn (Ake). Unseen Burma showcases a collection of rare, and rarely seen, colonial and post-colonial photographs of Burma (Myanmar). With some 350 photographs accompanied by detailed and thoroughly researched captions, this book unveils the lives and landscapes of a bygone era in a country once known as “the golden land”.
Burma is rich in history and culture. During the colonial era, it was considered an “exotic land” that extended eastwards from India, then under the rule of the British Raj. When the British colonized Burma, they brought with them the latest technology in cameras and photographic reproduction and, since these were introduced to Burma as early as the middle of the 19th century, Burma is also a country richly catalogued and photographed. The new technology was first popularized by western practitioners (Germans, Italians, and, of course, British) and upper-class patrons but then gradually spread out to the mass market. The use of photography throughout the British colonial period propelled the production of a vast photographic record of Burma, creating awe-inspiring impressions of its people, culture, myriad ways of life, colonial society and varied scenery. Carefully selected, curated and captioned from the personal collection of Thai scholar Thweep Rittinaphakorn (Ake), who has written and lectured extensively on Burmese culture, these photographs cover 100 fascinating years of Burmese history.
As such, Unseen Burma takes readers from the beginning of Burma’s colonial era through to the hopeful
first years of independence, creating a stunning visual journey across a century of history, story and memory.
“Thweep Rittinaphakorn has done it again. He has produced an enthralling kaleidoscopic pictorial record of events and people a time-traveler can only dream of. The reader is wafted past a host of people, events, and scenery, accompanied by well-researched captions which scholars will find invaluable. The pictorial evidence alone reveals how great and historically rich Myanmar used to be.” Noel F. Singer, author of Burma – A Photographic Journey

This unmatched and beautifully produced collection of photographs, together with the stories that accompany them, shine a fascinating light on Burma’s often enigmatic but always captivating past.” Thant Myint-U, author and historian

Author Thweep Rittinaphakorn
ISBN 978 616 451 067 8
SizeH 250 x W230 mm
No. of pages240 pages
Specification Paperback, 350 Photographs

ในโลกของความจริง 
นาคอาจเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ
แต่ในโลกของความเชื่อ นาคเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์
ขลัง และมีอำนาจน่าเกรงขาม มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชุมชนบ้านเมืองและไพร่ฟ้าประชากร
ในภูมิภาคอุษาคเนย์
นี่แหละนาค

เบื้องหลังเมนูอาหารมีเศรษฐศาสตร์
และเบื้องหลังเศรษฐศาสตร์มีอาหารแสนอร่อย!
.
“ฮาจุน ชาง” ผู้เขียน “เศรษฐศาสตร์ [ฉบับทางเลือก]” และนักเศรษฐศาสตร์ผู้รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ จะพาไปลิ้มลองเมนูแสนอร่อยจากนานาประเทศ สำรวจเกร็ดน่าสนใจของวัตถุดิบแต่ละชนิด รู้จักนัยเชิงเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละจาน มองทุกมื้ออาหารผ่านแว่นเศรษฐศาสตร์ เพื่อหาคำตอบว่าแนวคิดและนโยบายทางเศรษฐศาสตร์ที่หลากหลายแต่กลมกล่อมควรเป็นอย่างไร
.
• ก้าวข้ามอคติว่าประเทศยากจนเพราะคนขี้เกียจไปกับผลไม้เขตร้อนอย่าง “มะพร้าว”
• เข้าใจว่าทำไมการเพิ่มพูนผลิตภาพด้วยเทคโนโลยีจึงสำคัญนักไปกับซอส “ปลากะตัก” รสเค็มถูกใจ
• นิยามความเท่าเทียมกับเนื้อ “ไก่” ที่ใครๆ ก็กินได้ถ้วนหน้า
• ทบทวนแนวคิดเสรีนิยมใหม่ที่ไม่เหมือน “โคคา-โคลา” เพราะอาจไม่ได้เหมาะกับทุกประเทศเสมอไป
• สำรวจอนาคตน่าหวั่นใจในวันที่หุ่นยนต์เก็บเกี่ยว “สตรอว์เบอร์รี” แทนเรา
และอีกหลากประเด็นจากอาหารทั่วโลกกว่า 17 จาน!
.
เตรียมกระเพาะกับสมองของคุณให้พร้อม แล้วมาท่องโลกอาหารหลายรสชาติ อ่านโลกเศรษฐศาสตร์หลากมิติ ไปกับหนังสือที่จะทำให้คุณมีเรื่องสนุกให้ขบคิดทุกครั้งที่รับประทานอาหาร และจินตนาการถึงเศรษฐศาสตร์เพื่อโลกที่ดีขึ้นได้เอร็ดอร่อยกว่าที่เคย

ความเรียงว่าด้วยประชาธิปไตยติดอาวุธ
ผู้เขียน : รศ. ดร. ปวริศร เลิศธรรมเทวี
ราคา 225

“วิถีการปกครองที่เริ่มด้วยแสงแห่งประชาธิปไตยมักลงเอยด้วยฝันร้ายที่กลายเป็นทรราชย์” (เพลโต)

ความเรียงว่าด้วยประชาธิปไตยติดอาวุธ ความเรียงที่ย้อนเส้นทางระบอบการปกครองของตะวันตกสู่ระบอบประชาธิปไตยไทยซึ่งล้มเหลวมามากกว่ากึ่งศตวรรษ ทำลายความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตย

ร่วมทบทวน ครุ่นคิด และใช้วิจารณญาณร่วมกัน เราอาจได้คำตอบที่ตรงกับความเรียงฯ นี้ ว่าเหตุใดประชาธิปไตยจึงต้อง “ติดอาวุธ”

สารบัญ

1 บทนำ
2 ภูมิหลัง
3 วัฏจักรการปกครอง
4 รัฐธรรมนูญ
5 รัฐประหาร
6 รัฏฐาธิปัตย์
7 หลักนิติธรรม
8 สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
9 บทส่งท้าย

ISBN 9789740217930
ปกหนังสือ อ่อน
กระดาษ กรีนรีด
จำนวนหน้า 240 หน้า
น้ำหนัก 315.00 กรัม
กว้าง 14.00 ซม.
สูง 21.00 ซม.
หนา 1.50 ซม.
พิมพ์ครั้งที่ พิมพ์ครั้งที่ 1 : กรกฏาคม 2565
สำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์มติชน

ลดเพิ่มให้ลูกค้าที่น่ารักทุกเดือน กดรับคูปองได้เลย!!
– ซื้อ 200 ลด 6 บาท
– ซื้อ 400 ลด 11 บาท
– ซื้อ 800 ลด 22 บาท
———————————–
ทั้งร้านเป็นสินค้า มือ1 ค่ะ
ทุกเล่มห่อกันกระแทกและใส่กล่องพัสดุแน่นหนาสุดๆทุกคำสั่งซื้อ
ทางร้านจะพยายามเลือกหนังสือให้อย่างดีที่สุดเพื่อทุกคนนะคะ

✔️ รับเคลมสินค้าที่ผิดพลาดจากการพิมพ์ เกี่ยวข้องกับการอ่านเท่านั้น
เช่น หน้าหาย หน้าสลับ กระดาษขาดภายในซีล
❌ ขอสงวนสิทธิ์ ไม่รับเคลมหนังสือในกรณีสันบุบจากการขนส่ง ซีลแตก ไม่มีซีล
ถ้าลูกค้าต้องการสะสมหนังสือสภาพกริบอย่างกับออกมาจากเครื่องผลิต ทางร้านไม่แนะนำให้สั่งซื้อผ่านช่องทาง online ค่ะ เพราะขนส่งไม่เคยกรุณาเราเลย
———————————–
“”ขอให้มีความสุขกับการอ่านทุกคนนะคะ””

ปล. ขอ 5 ดาว ให้แม่ค้าด้วยนะคะ
ติดปัญหาอะไร ติดต่อทางร้านได้ตลอดค่ะ แม่ค้าใจดี
———————————–

คู่มือเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฉิบหายขั้นสุด

เพราะคุณมีแค่ชีวิตเดียว แต่ความหายนะมีเป็นร้อยรูปแบบ

Updated 20th Anniversary Edition of the International Bestseller

ชีวิตเรามีทั้งวันที่ดี วันที่แย่ รวมถึงวันที่ชีวิตพลิกผัน
ไปสู่สถานการณ์ฉิบหายขั้นสุด

มันอาจเป็นวันที่คุณ…
– โดนทรายดูด
– ปล้ำกับจระเข้
– ขับรถตกแม่น้ำ
– โดนโจรโรคจิตฝังทั้งเป็น
– เป็นเหยื่อไซเบอร์บูลลี่
– เจอสึนามิซัด
– ดิ่งพสุธาแล้วร่มชูชีพไม่กาง
– ทำไอโฟนแฟนหล่นลงชักโครก
– หนีตายจากระเบิดนิวเคลียร์

คู่มือเล่มเดียวจบที่สอนวิธีเอาชีวิตรอดในทุกสถานการณ์
โดยรวบรวมคำแนะนำจริงจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนง
สรุปเป็นขั้นตอนที่สั้นกระชับ เข้าใจง่าย พร้อมภาพประกอบ
เพื่อรับมือกับความฉิบหายทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตคุณ
หากต้องการเปิดการสนับสนุนโปรแกรมอ่านหน้าจอ ให้กด Ctrl+Alt+Z หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับแป้นพิมพ์ลัด ให้กด Ctrl+เครื่องหมายทับ (/)

รายละเอียด : ร้อยเรื่องราวต้าหมิง
คุณเคยรู้หรือไม่ว่า…..มหาฮ่องเต้จูหยวนจาง ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิงอันเกรียงไกร เคยเป็นขอทานร่อนเร่ เคยโคนหัวบวชพระเพื่อจะได้มีข้าวกิน…พระราชวังต้องห้ามกรุงปักกิ่งมโหฬารก้องโลก ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร …พระพุทธรูปประธาน “ซ่ปอกง” ที่วัดพนัญเชิง อยุธยา นั้น มีความเกี่ยวพันกับ “มหาขันทีเจิ้งเหอ” แม่ทัพกองทัพเรือผู้เกรียงไกร แห่งต้หมิงอย่างไร… จูหยวนจาง หนึ่งในผู้กล้าที่มีชีวิตสุดแสนพิสดาร สามารถขับไล่มองโกล ล้มราชวงศ์หยวนสำเร็จปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้หมิงไท่ สถาปนาราชวงศหมิงยิ่งใหญ่ปกครองแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ ไพศาล กวาดล้างกังฉิน ขับไล่ศัตรู ฟื้นฟูเศรษฐกิจ อาณาประชาราษฎร่สงบสุขสามสิบปีผ่านพัน หมิงเฉิงจู พระโอรสสานต่อปณิธาน
นำพาแผ่นดินจีนสู่มหาอำนาจทางทะเลแม่ทัพเจิ้งเหอนำกองเรือประกาศแสนยานุภาพ สมุทรยาตราทั่วโลกถึงเจ็ดครั้งจัดทำมหาสารานุกรมหย่งเล่อต้าเตี๋ยน ตำราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน สร้างพระราชวังต้องห้ามจื่อจิ้นเฉิงก้องโลกแห่งกรุงปักกิ่งด้วยคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของกษัตริย์สองพระองค์นี้ สืบสานให้ต้าหมิ่ง ปกครองแผ่นดินจีนด้วยฮ่องเต้สิบหกพระองค์ยาวนานเกือบสามร้อยปี

เพียงไม่กี่ร้อยปี หลังอินทรีแห่งโรมโรยรา ผู้นำชาวเยอรมันภายใต้หน้ากากจักรพรรดิโรมันก็ผงาดขึ้นมาจักรวรรดิใหม่ประกาศตัวเป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของโรม ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิและพระสันตะปาปา เป็นจักรวรรดิอันศักดิ์สิทธิ์สากล สืบเนื่องจากออกุสตุสและหมายมั่นจะปกครองโลกให้กว้างไกลกว่าที่โรมเก่าเคยฝัน นี่คือ ‘จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์’ ที่เคยถูกปรามาสว่า “ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความเป็นโรมัน และไม่เป็นจักรวรรดิ” แต่หนังสือเล่มนี้จะพาคุณทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับมันเสียใหม่ ว่าจักรวรรดิแห่งนี้เคยมีทั้งความเป็น
จักรวรรดิความเป็นโรมัน และศักดิ์สิทธิ์อย่างไรบ้างตลอดหน้าประวัติศาสตร์พันปีของมัน

รายละเอียดหนังสือ
ISBN 978-616-301-785-7
ผู้เขียน: ภัทรพล สมเหมาะ
ชื่อเรื่อง (ไทย):จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ มหาจักรวรรดิพันปีแห่งใจกลางยุโรป
ชื่อเรื่อง (อังกฤษ): Holy Roman Empire: The Thousand Years Empire of Central Europe
ปี ที่พิมพ์ 2566
จำนวนหน้า: 608 หน้า
ขนาดหนังสือ: 14.5x 21ซ.ม.

เฟมินิสต์คือการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมทางเพศ คือชุมชนแห่งความคิดและนิยาม อันหลากหลาย คือการดิ้นรนเพื่อเสรีภาพในเนื้อตัวร่างกาย คือการเรียกร้องสิทธิทางกฎหมาย เศรษฐกิจ และสังคม ลูซี ดีแลปนักประวัติศาสตร์เพศสภาพแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ชวนสำรวจความหมาย หลากมิติของเฟมินิสต์ซึ่งเกี่ยวพันกับเพศสภาพ แนวคิดชาตินิยม ความเชื่อทางศาสนา ลัทธิล่าอาณานิคม และการแบ่งแยกเชื้อชาติสีผิว วิพากษ์ประวัติศาสตร์กระแสหลักที่ถูกครอบงำโดยปัญญาชนผิวขาว แล้วย้อนรอยเรื่องราวอันหาญกล้าและน่าจดจำตลอดการเดินทาง 250 ปีที่เริ่มต้นจากความฝันของเหล่าบรรพสตรีผู้ใฝ่หาความเป็นธรรมทางเพศ อาทิ- การเปลี่ยนผ่านจากเสื้อรัดทรงสู่ชุดสมเหตุสมผลสัญลักษณ์ของอิสรภาพทางกายและการใช้ชีวิต- ปรากฏการณ์ล่ามตนเองกับราวลูกกรงหน้ารัฐสภา เพื่อซื้อเวลาให้ผู้หญิง ได้กล่าวคำปราศรัยนานขึ้น- การเดินขบวนทวงคืนยามค่ำคืนเพื่อต่อต้านความรุนแรงและเรียกร้อง ความปลอดภัยยามวิกาลของผู้หญิง- ปฏิบัติการกอดฐานเมื่อผู้หญิงกว่า 30,000 คนจับมือสร้างโซ่มนุษย์ล้อมฐานทัพ เพื่อแสดงเจตจำนงต่อต้านสงครามประวัติศาสตร์เฟมินิสต์ฉบับสากลนี้เปรียบดั่งภาพโมเสกอันหลากหลายที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนเล็ก ๆ ไม่ว่าหญิง ชาย คนข้ามเพศ หรือผู้ไม่อยู่ในกรอบทวิลักษณ์ทางเพศ ล้วนมีบทบาทสำคัญในสุ้มเสียงแห่งเฟมินิสต์ที่ยังคงป่าวร้องกังวาน เพื่อสานต่อภาพฝันนี้ให้เบ่งบานในสักวัน

ผู้เขียน: ณัฐพล เดชขจร
สำนักพิมพ์: แสงดาว
จำนวนหน้า: 288 หน้า | ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่: 1 — ปี 2565
รหัสสินค้า: 9786163885968
หมวดหมู่: ประวัติศาสตร์

การอ่านอักขระ “เฮียโรกลิฟ” จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ปูพื้นแก่ผู้อ่านที่ยังไม่มีพื้นฐานให้สามารถสนุกกับการเสริมสร้างทักษะทางด้านการอ่านอักษรภาพอียิปต์โบราณตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เริ่มจากทิศทางการอ่าน ชนิดของอักษรภาพต่างๆ เพื่อให้ทุกท่านสามารถเขียนชื่อตนเองหรือชื่อผู้อื่นโดยใช้อักษรภาพอียิปต์โบราณได้ด้วยความมั่นใจ และสำหรับผู้ที่ต้องการลงลึกถึงไวยกรณ์เพื่อที่จะมีความสามารถในการอ่านอักขระอียิปต์โบราณจริงบนผนังอนุสาวรีย์ก็สามารถไปต่อกันได้ในส่วนที่สอง ซึ่งผู้เขียนจะค่อยๆ ปูพื้นจากคำนาม คำสรรพนาม ไปจนถึงคำกริยาและการสร้างประโยค โดยจะมีแบบฝึกหัดท้ายบทพร้อมเฉลยให้ทุกท่านได้ฝึกฝน

– สินค้าของร้านเป็น #หนังสือใหม่ รับตรงจากสำนักพิมพ์ ทั้งหมด
– หากทางร้านไม่ได้ลงรายละเอียดสินค้าไว้ ตัวอย่างเช่น พิมพ์ครั้งที่เท่าไหร่ ของแถม ที่คั่นที่มากับหนังสือ สามารถทักสอบถามได้
– สามารถสั่งซื้อสินค้าหลายเล่มใน 1 ออเดอร์ได้
– จัดส่งสินค้าภายใน 1-2 วัน หากช้ากว่านั้นอาจะเกิดจากสินค้า/ขนส่ง มีปัญหา ทางร้านจะแจ้งให้ทราบทันทีหากพบปัญหาดังกล่าว
– #จัดส่งวันละ 1 รอบ ขนส่งเข้ารับสินค้าเองทุกวัน เวลาประมาณ 11:00-15:00 หากไม่ทันรอบนี้ ส่งในวันถัดไป
– ทางร้านไม่สามารถเปลี่ยนที่อยู่สำหรับจัดส่งให้ได้ กรุณาตรวจสอบที่อยู่ให้ถูกต้องก่อนยืนยันการชำระเงิน
– ทางร้านตรวจสอบตำหนิได้เฉพาะภายนอกตัวเล่มเท่านั้น เมื่อได้รับสินค้าแล้วโปรดตัวสอบด้านในเล่มสินค้า หากพบมีตำหนิภายในเล่มสามารถส่งเคลมผ่านระบบได้
– หากเกิดกรณีทางร้านส่งผิดเล่ม/สลับปก ลูกค้าสามารถตีคืนผ่านระบบได้เช่นกัน
– ทางร้านขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงิน (เป็นเงินสดหรือโอน) กรณีลูกค้าสั่งสินค้าผิดพลาด และจะจัดส่งสินค้าตามที่ลูกค้าสั่งมาเท่านั้น

***กรุณาเคลมสินค้าภายใน 7 วันหลังจากวันรับสินค้า ทุกการสั่งซื้อถือว่าท่านยอมรับเงื่อนไขของทางร้านเรียบร้อยแล้ว

กว่าจะครองอำนาจนำ

ไม่ว่าเราจะมีจุดยืนทางการเมืองเช่นไร ความสำเร็จของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่สามารถสร้างพระราชอำนาจนำจากซากปรักหักพังของสถาบันกษัตริย์ขึ้นมาได้ ย่อมเป็นเรื่องที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าที่ผ่านมา การศึกษาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ดำเนินไปในแนวทางอาเศียรวาทสดุดีแทบทั้งสิ้น จนยากที่จะเห็นพลวัตความเปลี่ยนแปลงของการเมืองไทยที่มีพระองค์และเครือข่ายเป็นตัวแสดงสำคัญ “กว่าจะครองอำนาจนำ : การคลี่คลายขยายตัวของเครือข่ายในหลวงภายใต้ปฏิสัมพันธ์ชนชั้นนำไทย ทศวรรษ 2490-2530” เล่มนี้ จะทำให้เราเห็นว่าในห้วงเวลา 4 ทศวรรษนั้น การที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สามารถพัฒนา “จากประมุขของกลุ่มปกครอง กลายเป็นประมุขของชนชั้นปกครอง” นั้น ต้องใช้ทั้งความพยายามส่วนพระองค์และแรงหนุนส่งจากตัวแสดงหลายกลุ่มที่เข้ามาสู่ “เครือข่ายในหลวง” ไม่ว่าผู้นำทหาร ข้าราชการพลเรือน บรรดาเจ้าสัว และชนชั้นนำกลุ่มต่าง ๆ ที่ร้อยรัดกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราจะเห็นการตั้งไข่ ฟูมฟักและเติบโตจนกระทั่งสุกงอม เมื่อ “พระราชอำนาจนำ” ขึ้นสู่จุดสูงสุดของความมั่นคงและเสถียรภาพภายใต้ “ฉันทมติภูมิพล” เส้นทางเดินกว่า 4 ทศวรรษนี้มีทั้งการต่อสู้ ต่อรอง ประนีประนอม ประสานประโยชน์กับสมาชิกเครือข่ายชนชั้นนำไทยอยู่ตลอดเวลา

ทุนนิยมเจ้า

Royal Capitalism : Wealth, Class, and Monarchy in Thailand คือหนังสือที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับระบบทุนนิยมในราชอาณาจักรไทยร่วมสมัย ด้วยเหตุที่หนังสือให้ความสำคัญกับสถาบันกษัตริย์ในฐานะแก่นกลางในการทำความเข้าใจและวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจการเมืองไทย อีกทั้งหนังสือยังให้มุมมองในเชิงวิพากษ์ต่อสถาบันกษัตริย์อย่างตรงไปตรงมา ผู้เขียนเคยเชื่อมาตลอดว่า หนังสือเล่มนี้คงจะเหมาะมากกว่าที่จะปรากฏอยู่ในรูปแบบต้นฉบับที่ถูกประพันธ์ด้วยภาษาอังกฤษ และมันคงเป็นการยากที่จะถูกแปลเป็นภาษาไทย จากที่ได้สังเกตการณ์ดูความเป็นไปในราชอาณาจักรไทย ผู้เขียนตระหนักดีว่า ไม่เพียงแต่งานศึกษาสถาบันกษัตริย์ในเชิงวิพากษ์จะหาได้ยากยิ่ง หากแต่มันยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหานานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการถูกเพ่งเล็ง ยึด และดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด โจมตี และด้อยค่าโดยนักวิชาการสายนิยมเจ้า หรือกระทั่งการเซ็นเซอร์ตัวเองของนักเขียนจำนวนไม่น้อยที่อยากนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ที่ต่างไปจากสิ่งที่รัฐ วัง สื่อมวลชน และสถานศึกษาทำการโฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอด แต่ไม่กล้านำเสนอสิ่งที่ตนเองคิดออกมาตรงๆ เนื่องจากหวาดกลัวการถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อ Royal Capitalism ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในรูปแบบปกแข็งที่สหรัฐอเมริกาในช่วงต้น?ค.ศ. 2020?โดยสำนักพิมพ์ของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน และได้รับการวางจำหน่ายในระดับนานาชาติในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้เขียนจึงนึกอยู่ในใจว่า จากนี้ไปหนังสือที่ผู้เขียนประพันธ์ขึ้นมาเองกับมือเล่มนี้คงจะมีชีวิตและอิสระเป็นของตนเองที่นอกเหนือไปจากการควบคุมของผู้เขียน ในขณะที่ผู้เขียนยังคงใช้ชีวิตอยู่ในราชอาณาจักรไทยอันเป็นดินแดนที่เสรีภาพทางความคิดและการถกเถียงทางวิชาการถูกจำกัดและควบคุมอย่างเข้มงวด ผู้เขียนเองก็อดรู้สึกภูมิใจไปไม่ได้ที่อย่างน้อยหนังสือที่ผู้เขียนได้ผลิตมันขึ้นมาจะยังคงเป็นไทจากโซ่ตรวนทางปัญญาอยู่ต่อไป ได้รับการเผยแพร่ในระดับสากล และส่งสารไปถึงผู้ที่สนใจศึกษาปัญหาของความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสถาบันกษัตริย์และทุนนิยมในแผ่นดินเกิดของผู้เขียน

ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี การเมืองไทยภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา 2491-2500

หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากความสนใจประวัติศาสตร์ การปฏิวัติ 2475 และขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติของผู้เขียน รวมถึงการที่ผู้เขียนมีโอกาสฝึกฝนและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมภายใต้บรรยากาศการ “เกิดใหม่” ของคณะราษฎรภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยเฉพาะบทบาททางการเมืองของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ท่ามกลางข้อมูลอันมหาศาล หนังสือเล่มนี้ได้ประมวลข้อมูลออกมาอย่างเป็นระบบและนำเสนอการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนหลากหลามิติ ซึ่งช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจผู้เล่นกลุ่มต่างๆ ในการเมืองไทยยุคทศวรรษ 2490 อย่างทะลุปรุโปร่ง

เนื้อในระบอบถนอม : ความสืบเนื่องและเสื่อมถอยของเผด็จการทหารพ.ศ 2506 ถึง 2516
ภาพจำของจอมพลถนอม กิตติขจร สำหรับคนไทยทั่วไป คือผู้สืบทอดอำนาจจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และถูกโค่นล้มด้วยขบวนการนิสิตนักศึกษาในเหตุการณ์?14?ตุลา?2516 จากนั้นจึงเดินทางออกนอกประเทศ แล้วเมื่อกลับมาในฐานะสามเณรถนอม ก็เป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์?6?ตุลา?2519 และรัฐประหารที่ตามมาหลังจากนั้น แต่ “เนื้อในระบอบถนอม” เป็นอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างจาก “ระบบพ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการ” ของสฤษดิ์หรือไม่ ถนอมคงไม