ปุ๋ยธาตุเสริม ธาตุรอง ธาตุหลัก FK-1 พืชโตไว ผลผลิตดี สมบูรณ์แข็งแรง ต้านทานต่อโรค
ปุ๋ยน้ำ FK-1 สำหรับเร่งการเจริญเติบโตพืช
ทำความเข้าใจกับคุณลักษณะของปุ๋ยที่แตกต่างกัน ก่อนเลือกซื้อปุ๋ย
ปุ๋ยน้ำตรา FK ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์การใช้งาน แตกต่างกับปุ๋ยโดยทั่วไป ซึ่งปุ๋ยน้ำตรา FK ถูกออกแบบมา เพื่อบำรุงพืชโดยตรง ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงดินหรือเพิ่มจุลินทรีย์ให้กับดิน เพื่อให้ดินดูแลพืช ซึ่งวิธีปรับปรุงดินนี้จะทำให้พืชตอบสนองได้ช้า และอาจจะไม่ได้ผลผลิตดีในรอบการปลูกปัจจุบัน การใช้ปุ๋ยน้ำ FK นั้นจึงเป็นการป้อน ธาตุหลัก(Primary nutrient) ธาตุรอง(Secondary nutrient) ธาตุเสริม(Micronutrient) ให้กลับพืชโดยตรง
FK-1 คือปุ๋ยน้ำความเข้มข้นสูง ในรูปแบบผงละลายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ในหนึ่งกล่อง 2 กิโลกรัม ประกอบด้วย สองถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม กรุณาอ่านรายละเอียดด้านล่าง
ใน 1 กล่องประกอบด้วย
ปุ๋ยบัวแก้ว (Primary Nutrient)
N-P-K – 20-20-20
F1 ธาตุรองธาตุเสริม
(Secondary Nutrient & Microutrient)
คุณสมบัติ
ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแตสเซียม อย่างละ 20% ซึ่งนับว่าเป็นธาตุหลักที่สูงมาก เมื่อเทียบกับปุ๋ยในท้องตลาดทั่วไป จึงเรียกได้ว่า FK-1 คือปุ๋ยที่มีความเข้มข้นสูง นอกจากนั้นแล้ว ยังมีธาตุรองและธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช คลอบคุมถึงบางธาตุ ที่เกิดขึ้นเองไม่ได้ซึ่งถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบปลูก
FK Fertilizer – กราฟประสิทธิภาพ
พิจารณากราฟ
FK-1 เป็นปุ๋ยความเข้มข้นสูง สูตร 20-20-20 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป เป็นเหตุผลที่ทำให้ในช่วงวันที่ 1-7 ตามกราฟด้านบน ปุ๋ยตรา FK1 (เส้นสีส้มบนรูปกราฟ) มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่าปุ๋ยเคมี (เส้นสีม่วงในกราฟ)
จุดอ่อนของปุ๋ยเคมี (The weakness of chemical fertilizers)
ถึงแม้ปุ๋ยเคมีจะปลดปล่อยธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็วกว่าปุ๋ยอินทรีย์ แต่ในทางกลับกัน ธาตุอาหารจะหมดไปอย่างรวดเร็ว จากกราฟ จะสังเกตุได้ว่า ในวันที่ 14 ปุ๋ยเคมีได้ปลดปล่อยธาตุอาหารหมดไปแล้ว แต่ในส่วนของ ปุ๋ยอินทรีย์ ยังคงให้อาหารกับพืชที่ปลูกได้อย่างต่อเนื่อง
ปุ๋ย FK ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้ (FK Fertilizer is designed to solve this problem)
ธาตุรอง และธาตุเสริม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบการปลูกพืช ซึ่งปุ๋ยทั่วๆไป ไม่เคยเติมธาตุเหล่านี้ ซึ่งธาตุรองธาตุเสริมที่ขาด จะกลายเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก “พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด” ตามกฎ “Low of the minimum โปรดศึกษาต่อในวรรคท้ายสุด” ปุ๋ยตรา FK ประกอบด้วย ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้
การใช้งาน
ผสมปุ๋ยบัวแก้ว 50 กรัม และ F1 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมปุ๋ยบัวแก้ว 500 กรัม และ F1 500 กรัม ต่อน้ำ 200 ลิตร
ฉีดพ่นพืชที่ปลูก ทุกๆ 20-30 วัน
ข้อควรระวัง (สำคัญมาก)
ต้องฉีดพ่นในช่วงเวลาที่ไม่มีแดดจัด มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดอาหารใบลวกได้ เช่นฉีดพ่นให้เสร็จสิ้น ก่อน 6 โมงเช้า หรือทำการฉีดพ่นหลัง 5 โมงเย็น หลังจากที่แดดร่มแล้ว หรือฉีดพ่นได้ทั้งวัน ในวันที่แน่ใจว่าแดดไม่แรง
Law of the Minimum (กฎต่ำสุด)
ไม่ว่าจะให้ปุ๋ยมากแค่ไหน พืชจะโตได้เท่ากับ ธาตุหลัก ธาตุรอง ที่ไม่เคยให้กับพืชและดิน ธาตุอาหารที่มีอยู่น้อยที่สุด จะจำกัดการโตของพืชเป็นข้อบกพร่องเล็กๆ ที่ทำให้ดูเหมือนว่า ใส่ปุ๋ยไปมากเท่าไร ก็ยังไม่ได้ผล
ปุ๋ยตรา FK จากฟาร์มเกษตร เราตระหนักถึงเรื่อง Law of the Minimum หรือ กฎต่ำสุด จึงออกแบบปุ๋ยตรา FK ใน 1 กล่อง ให้ประกอบด้วย สองถุง ด้านใน คือ ปุ๋ยธาตุหลักหนึ่งถุง และ F1 ธาตุรอง ธาตุเสริม อีกหนึ่งถุง ที่ผ่านการคำนวณสัดส่วนเพื่อผสมใช้ไปพร้อมกันได้อย่างลงตัว เพื่อนำพาพืชของท่าน ให้เจริญเติบโต ด้วยธาตุหลัก ธาตุรองที่ครบถ้วน และไม่เคยได้ถูกเติมเต็ม จากการใช้ปุ๋ยทั่วๆไปตามท้องตลาด ทำให้พืชได้รับธาตุอาหารต่างๆมากมาย และเติมเต็มส่วนที่ขาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดังรูปด่านล่าง เช่น คุณให้ปุ๋ยทั่วๆไป ที่มีธาตุหลักเพียง 3 ตัว คือ N P K และธาตุรอง ธาตุเสริมอื่นๆ มีอยู่แล้วในดินของคุณ แล้วแต่สภาพดินบริเวณนั้น ว่าโชคดี มีธาตุรอง ธาตุเสริม และ OM อยู่มากแค่ไหน ในทุกๆปี ธาตุรองธาตุเสริมเหล่านี้ โดนลดลงไปทุกรอบของการเพาะปลูก เพราะคุณเติมเฉพาะ N P K ให้กับดิน อย่างมากก็เพิ่ม แคลเซียม และ ซิลิกอน อีกสองตัว จากสารปรับสภาพดินต่างๆ ที่มีขาย แต่ธาตุรองธาตุเสริมมีมากมาย จนแทบจะจำชื่อได้ไม่หมด พืชคุณจะถูกจำกัดคุณภาพ และการเจริญเติบโต ด้วยธาตุรอง ธาตุเสริม ที่มีอยู่น้อยที่สุด เสมือนถังน้ำที่มีความสูงของไม้ประกบ ที่มีความสูงไม่เท่าแผ่นอื่นๆ อยู่เพียงแผ่นเดียว พืชคุณเสมือนน้ำในถัง จะสามารถโตอยู่ในถังน้ำ (เปรียบถังน้ำว่าเป็นดิน) ได้มากที่สุดเท่ากับไม้ประกบแผ่นที่มีความสูงน้อยที่สุด เพียงเท่านั้น
นัก วิทยาศาสตร์ที่สามารถลบล้างทฤษฎีฮิวมัสได้สำเร็จคือ จุสตุส ฟอน ลีบิก (Justus von Liebig, ค.ศ. 1803-1873) ชาวเยอรมัน ลีบิกมีความคิดว่า ปัจจัยที่ควบคุมการเจริญเติบโตของพืชคืออาหารแร่ธาตุต่าง ๆ จึงได้ตั้งทฤษฎีขึ้นมาใหม่แทนทฤษฎีฮิวมัส คือ “ Law of the minimum” ซึ่งมีใจความว่า เมื่อพืชได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นเพียงพอแล้วทุกธาตุยกเว้นธาตุหนึ่งซึ่งยัง ขาดอยู่หรือยังมีไม่เพียงพอ ธาตุนั้นจะเป็นตัวจำกัดการเจริญเติบโตของพืช ทฤษฎีของลีบิกนี้ยังได้รับความเชื่อถือมาตราบจนทุกวันนี้และเป็นที่ยอมรับ กันทั่วโลก มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้นลีบิก มีแนวคิดว่า การแนะนำการใส่ปุ๋ยให้กับพืช (Fertilizer recommendation) สามารถทำได้โดยการวิเคราะห์หาธาตุที่เป็นส่วนประกอบของพืช แล้วใส่ธาตุเหล่านั้นลงไปในดิน เขาเป็นบุคคลแรกที่คิดทำปุ๋ยเคมีขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากปุ๋ยที่เขาผสมขึ้นในครั้งนั้นเป็นสารประกอบ ที่ไม่ละลายน้ำ ผลการทดลองที่สำคัญของ ลีบิกสามารถส